ใครจะรู้บ้างว่าในเช้าวันจันทร์ที่แสนจะวุ่นวายในเมือง ที่เผชิญกับปัญหารถติด ก็ยังมีกลุ่มคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ประสบปัญหารถติดเหมือนกัน แต่บังเอิญติดหล่ม กลุ่มคนที่ว่านี้ก็คือบรรดาพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ที่ต้องเดินทางเพื่อทำหน้าที่กองหน้าของรัฐบาล ที่บุกตะลุยทำลายล้างการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ของเด็กนักเรียนที่อยู่ในถิ่นห่างไกล ในที่นี้จะขอกล่าวถึงอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพวกเขาเองก็ถูกขนานนามว่า "ครูดอย" ชีวิตการเดินทางที่ยากลำบากทำให้ครูดอยมีความรักใคร่กลมเกลียวกัน มีความสมัครสมานสามัคคีกัน มีความเห็นอกเห็นใจกัน และก็มีความรักกัน ส่วนมากครูดอยคือครูที่จบใหม่ไฟแรง เมื่อครั้งสัมภาษณ์ก่อนบรรจุทุกคนพูดเสียงเดียวว่า"ไม่ว่าจะได้บรรจุที่ใดไม่เคยกลัวความลำบาก" ถึงแม้บางคนเมื่อมาเจอสภาพจริงๆยังไม่ถึงเดือนก็ต้องหลั่งน้ำตากับความทรมานในการเดินทาง บางโรงเรียน 3 ชั่วโมงจากตัวจังหวัดถึงอำเภอที่บรรจุ และอีกเกือบ 12 ชั่วโมง ในการขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนสองลัดเลาะตามป่าเขา ขึ้นเขา ลงเขา ผ่านธารน้ำ ลุยโคลน ทานข้าวร่วมกันกลางธรรมชาติที่สองข้างทางมีแต่โคลนและต้นไม้ บางครั้งต้องช่วยกันเข็นรถ(มอร์เตอร์ไซค์)เพราะรถติดหล่มท่ามกลางดินโคลนและสายฝนที่โปรยปราย บางครั้งรถเสียหลักไถลตกดอยต้องช่วยกันดึงกันฉุด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ครูดอยคู่ซ้อนท้ายหลายคู่(คู่ชาย-หญิง)ที่ลงเอยด้วยเห็นใจกันและรักกัน ดังคำพูดที่ว่า "รักแท้แพ้ใกล้ชิด" ถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมายขวางกั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ศรัทธาและความตั้งใจที่มีอยู่ของครูดอยลดลงไปตามสภาวะ กลับจะมีแต่ความหึกเหิมและกำลังใจเต็มเปี่ยม เพราะครูดอยเขาไม่ทิ้งกันอีกทั้งกำลังใจยังอยู่ข้างๆนั่นเอง